ความกดดันของเด็กๆ

ทุกๆ ท่านเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับความกดดันของเด็กๆ กันบ้างมั้ยครับ ซึ่ง ความเครียด เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องเผชิญกันทั้งสิ้น แต่สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยประสบการณ์และการหล่อหลอมที่ดีมาตั้งแต่เด็กๆ จึงจะสามารถรับมือกับความกดดันหรือความเครียดได้ ถ้าเลี่ยงได้ก็ไม่ควรทำสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียดจะดีที่สุดครับ วันนี้เราจึงอยากมาแชร์กับทุกๆ ท่านเกี่ยวกับ ทำไมไม่ควรให้เด็กเรียนหนักจนเกินไปและผลเสียของความเครียดที่ท่านควรรู้กันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้นเราไปชมกันเล้ยย!!!

ความเครียด คืออะไร?

ความเครียด คือ ภาวะทางอารมณ์ และความรู้สึกของบุคคลที่มีต่อสถานการณ์ โดยผู้ที่มีความเครียดมักรับรู้ได้ในลักษณะของความลำบากใจ ความไม่สบายใจ ความคับข้องใจต่อเหตุการณ์ หรือความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างที่เป็นสาเหตุของความเครียด และความเครียดยังจัดว่าเป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยความเครียดในระดับที่พอดีนั้นช่วยให้บุคคลมีความตื่นตัว มีความกระตือรือร้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ในทางกลับกัน หากความเครียดมากเกินไป จะเกิดผลเสียต่อร่างกายและจิตใจได้ โดยความเครียดที่รุนแรง จะส่งผลต่อความสามารถในการดำเนินชีวิตและตัดสินใจของบุคคล และอาจเป็นอาการแสดงเริ่มแรกของความเจ็บป่วยทางจิตเวชได้

ผลเสียและโรคที่เกิดจากความเครียด

เมื่อมีภาวะความเครียดสะสมเป็นเวลานาน นอกจากจะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลงแล้ว ภาวะความเครียดอาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้าหรือทำให้เราเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งปัจจุบัน เป็นอาการที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก ส่งผลให้มีอาการทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และความคิด และกระทบต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวันอย่างมาก ซึ่งจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้เช่น

โรคหัวใจ ความเครียดมีผลต่อเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตามมา รวมถึงภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีโอกาสหัวใจวายได้สูง

โรคเครียดลงกระเพาะ หากมีความเครียดสะสมเป็นเวลานาน ร่างกายจะหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหารออกมามากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดอาการท้องอืด ลำไส้แปรปรวน กรดไหลย้อน

โรคนอนไม่หลับ ความเครียดทำให้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหลายๆ ชนิด ซึ่งมีผลกระทบต่อการนอนหลับ หรือหากนอนหลับก็หลับไม่สนิท ทำให้มีอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิดและเจ็บป่วยง่าย

โรคไมเกรน ความเครียดส่งผลให้สารซีโรโทนินในสมองพร่องไป จะทำให้หลอดเลือดเกิดการพองขยายและหดตัวมากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้

โรคอ้วน นั่งทำงานนาน ๆ ติดต่อกันวันละหลาย ๆ ชั่วโมง ทำให้ร่างกายเผาผลาญอาหารได้น้อยลง และอาจทำให้มีโรคอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ

โรคกรดไหลย้อน เนื่องจากทำงานหนัก ทำให้ทานอาหารไม่เป็นเวลา ทานอย่างเร่งรีบ รวมไปถึงการชอบทานเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของมัน ของทอด หรือน้ำอัดลม ล้วนทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้

6 ข้อที่จะบ่งบอกว่า ทำไมไม่ควรให้เด็กเรียนหนักจนเกินไป

  • ทำให้เด็กเกิดความเครียดและความวิตกกังวล และสามารถที่จะกลายเป็นภาวะซึมเศร้าได้
    ไม่มีเวลาส่วนตัวในการที่จะใช้ชีวิต
    สามารถที่จะทำให้เด็กไม่ได้มีการพัฒนาทักษะทางด้านอารมณ์
    ไม่มีเวลาอยู่ร่วมกับครอบครัว
    มีอาการเก็บกด รู้สึกอึดอัด
    อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ หากเด็กมีภาวะเครียดหนัก

วิธีลดความเครียดด้วยตัวเองแบบง่ายๆ

ออกกำลังกาย หลังจากทำงานอย่างหนักอาจทำให้เกิดความเครียดสะสม เราสามารถแก้ไขความเสครียดได้โดยการให้ฮอร์โมนเอนดอร์ฟีนทำงานบ้างด้วยการออกกำลังกาย อย่างน้อยๆ ถ้าเรารู้สึกตัวว่ากำลังเครียดอยู่ การได้ออกจากโต๊ะทำงานไปยืดเส้นสาย หรือเดินขึ้นลงบันไดอาจทำให้เราหลุดโฟกัสเรื่องเครียด

เป็นอย่างรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ ทำไมไม่ควรให้เด็กเรียนหนักจนเกินไปที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นแนวทางที่ดีกันนะครับ